1.1  ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
                ในช่วง 60 กว่าปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทำให้โลกของเราก้าวหน้ามากกว่ายุคใดๆ 
ในอดีต  ทำให้มนุษย์สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้มากมายชนิดที่คนรุ่นพ่อหรือรุ่นปู่ของเราไม่เคยนึกฝันว่าจะทำได้มาก่อน   คอมพิวเตอร์ช่วยให้มนุษย์สามารถส่งดาวเทียมขึ้นไปโคจรรอบโลกได้มากมาย   ดาวเทียมบางดวงกำลังมองลงมาบนผิวโลกด้วยนัยน์ตาที่คมกริบ   บางดวงกำลังถ่ายทอดสดรายการโทรทัศน์ให้ผู้ชมหลายพันล้านคนได้เห็นการแข่งขันฟุตบอลได้พร้อมกันทั่วโลก  บางดวงเดินทางมุ่งสู่ขอบจักรวาลอันไกลโพ้นเพื่อถ่ายภาพสิ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปนับพันล้านไมล์มาให้เราดู
| โครงข่ายไฟเบอร์อ็อปติกส์ (Fiber Optic Cables) ใต้ทะเล | 
บนท้องฟ้าคอมพิวเตอร์ช่วยให้การเดินทางของเครื่องบินมีความปลอดภัย 
ในมหาสมุทรมีเส้นใยนำแสง (Fiber Optic Cables)ทอดวางอยู่อย่างสงบ แต่ข้างในกำลังทำหน้าที่ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงในระยะทางไกลๆ เสมือนเส้นเลือดใหญ่ของระบบเครือข่าย ทำให้เราสามารถเรียกข้อมูลถึงกันได้ทั่วโลก
ในมหาสมุทรมีเส้นใยนำแสง (Fiber Optic Cables)ทอดวางอยู่อย่างสงบ แต่ข้างในกำลังทำหน้าที่ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงในระยะทางไกลๆ เสมือนเส้นเลือดใหญ่ของระบบเครือข่าย ทำให้เราสามารถเรียกข้อมูลถึงกันได้ทั่วโลก
คอมพิวเตอร์หลายเครื่องในโรงเรียนกำลังให้บริการศึกษาค้นคว้าผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแก่นักเรียน  บางเครื่องกำลังจัดทำระบบฐานข้อมูล ขณะที่อีกหลายเครื่องใช้ประกอบการเรียนการสอน คอมพิวเตอร์ในห้องประชุมอาจกำลังนำเสนอข้อมูลต่างๆ  เครื่องคอมพิวเตอร์อีกหลายเครื่องอาจกำลังใช้พิมพ์เอกสารคำสอนหรือข้อสอบให้กับคุณครู  บางเครื่องอาจจะใช้คิดคำนวณเงินเดือนบุคลากรและรายรับรายจ่ายของโรงเรียน   แต่ละปีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายนับแสนคน ต้องคร่ำเคร่งอยู่กับการสอบเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งการสอบใหญ่ที่ทำกับนักเรียนทั้งประเทศนั้นจะไม่มีทางทราบผลสอบได้ทันเวลาเลย หากยังใช้คนมานั่งตรวจข้อสอบ คิดคะแนน และจัดเรียงลำดับผู้สอบผ่านเข้าเรียนในสาขาต่างๆ ตามที่ที่ผู้สอบเลือกสมัครไว้  ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย
ผู้คนในสมัยนี้มีพฤติกรรมจับจ่ายใช้สอยแตกต่างไปจากในอดีต ศูนย์การค้าหลายแห่งเปิดให้บริการจนถึงกลางคืน  อาจใช้บัตรเครดิตแทนเงินสดและผู้ที่ตรวจสอบบัตรเครดิตว่าใช้ชำระเงินได้หรือไม่ได้ก็คือคอมพิวเตอร์ หรืออาจมีตู้เอทีเอ็มติดตั้งเอาไว้ให้เรียกเงินสดได้ทันใจ คอมพิวเตอร์อีกนั่นแหละที่จะคอยตรวจสอบว่ามีเงินอยู่ในบัญชีหรือไม่ ถ้ามีก็ยอมให้ถอนเงินได้  ในส่วนของผู้บริหารศูนย์การค้าก็สามารถทราบยอดสินค้าที่จำหน่ายออกไปแล้วและยอดสินค้าที่อยู่ในสต็อคแม้จะมีจำนวนสินค้าจำนวนมากมายหลายพันหลายหมื่นรายการก็ตาม เพราะมีคอมพิวเตอร์ช่วยในการจัดทำระบบฐานข้อมูลสินค้า

| Harvard Mark-I | 
2.1  คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 : ยุคหลอดสุญญากาศ Vacuum Tubes  (พ.ศ.2488 – 2501)
มอชลี (Mouchly) และ เอคเคิร์ท (Eckert) แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ได้เริ่มพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศชื่อ  ENIAC  ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ได้มีการสร้างคอมพิวเตอร์ และเครื่องคำนวณที่ใช้หลอดสุญญากาศขึ้นอีกหลายรุ่นด้วยกัน  ซึ่งหลอดสุญญากาศ Vacuum Tubes  เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่ กินไฟฟ้ามาก เพราะต้องเผาไส้หลอดให้เกิดประจุอิเล็กตรอนวิ่งผ่านแผ่นตาราง   มีการพัฒนาหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลได้จำนวนมาก  ระยะแรกใช้บัตรเจาะรู แต่ทำงานได้ช้า จึงได้พัฒนาวงแหวนแม่เหล็กและ
| หลอดสุญญากาศ  Vacuum tube 
2.2  คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2  : ยุคทรานซิสเตอร์  Transistors  (พ.ศ.2500 – 2507) 
ทรานซิสเตอร์เป็นผลงานของนักวิจัยแห่งบริษัทเบลล์ มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการคอมพิวเตอร์ เพราะทรานซิสเตอร์ Transistors มีขนาดเล็ก ใช้กระแสไฟน้อย ทนทานและราคาถูกกว่าหลอดสุญญากาศ  คอมพิวเตอร์ในยุคนี้จึงมีขนาดเล็กลง  สามารถผลิตเพื่อการค้า ได้เป็นจำนวนมาก  คอมพิวเตอร์ยุคนี้ส่งผลให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว  เช่น  องค์การนาซ่า (NASA) ใช้คอมพิวเตอร์ในการคำนวณและควบคุมยานอวกาศต่างๆ ในยุคแรก และมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน 
 
 
2.3  คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3  : ยุควงจรรวม  (พ.ศ.2508 – 2512) 
ในยุคนี้มีการพัฒนาวิธีการสร้างทรานซิสเตอร์จำนวนมากลงบนแผ่นซิลิคอนขนาดเล็ก ทำให้เกิดวงจรรวมบนแผ่นซิลิคอนที่เรียกว่า ไอซี (Integrated Circuit : IC)  พัฒนาการของไอซีทำให้คอมพิวเตอร์มีความซับซ้อนสูงขึ้น  มีวงจรการทำงานที่ทำการคิดคำนวณจำนวนเต็มได้เป็นหลายล้านครั้งต่อวินาที นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาหน่วยความจำที่ใช้ไอซี  และมีการพัฒนาหน่วยเก็บข้อมูลมาเป็นฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)  เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดเล็กลงมาก อุตสาหกรรมการผลิตคอมพิวเตอร์เริ่มมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว 
 
2.4  คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 : ยุคไมโครโพรเซสเซอร์  (พ.ศ.2513-ปัจจุบัน) 
ในยุคนี้เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ก้าวหน้าถึงขั้นสร้างวงจรรวมที่มีโครงสร้างซับซ้อนมากรวมไว้ในแผ่นซิลิคอนขนาดเล็กเรียกว่า วงจรวีแอลเอสไอ (Very Large Scale Integrated: VLSI)  เป็นวงจรที่สามารถนำทรานซิสเตอร์นับล้านตัวมารวมอยู่ในแผ่นซิลิคอนขนาดเล็กเพียงแผ่นเดียว ผลิตเป็นหน่วยประมวลผลที่ซับซ้อนเรียกว่า ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ทำให้สามารถผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและมีประสิทธิภาพสูง คือ ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer : PC) ทีใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน 
 
เทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถพัฒนาวงจรวีแอลเอสไอให้มีจำนวนทรานซิสเตอร์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  ชิปประมวลผลในปัจจุบันจึงมีขีดความสามารถสูงขึ้นเป็นทวีคูณ จึงทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้พร้อมกันหลายงาน และยังเชื่อมโยงถึงกันเป็นเครือข่ายที่เรียกว่า เน็ตเวิร์ก (Network)  
คอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันยังมีความสามารถประมวลผลข้อมูลได้ครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นคิดคำนวณตัวเลข  ประมวลข้อความ รูปภาพ เสียง และภาพเคลื่อนไหว  คอมพิวเตอร์สมัยใหม่จึงทำงานกับสื่อได้ทุกประเภทหรือสื่อประสม (Multimedia) | 




 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น